วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

ความสำคัญของเห็ดรา

ความสำคัญของเห็ดรา
                เห็ดและราเป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดรวมอยู่ในกลุ่มเชื้อรา นักวิทยาศตร์ได้จัดให้อยู่ในอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตที่แยกจากพืช สัตว์ และแบคทีเรีย โดยจัดให้อยู่ใน Kingdom Mycota หน้าที่สำคัญของกลุ่มเชื้อรา คือ การรักษาสมดุลของชีวิตในการนำสารอินทรีย์ต่างๆ มาใช้ใหม่ หน้าที่เช่นนี้แม้ว่าจะคล้ายกับหน้าที่ของเชื้อแบคทีเรียแต่มีข้อแตกต่างคือ เชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่จะเจริญเติบโตจากพื้นผิวภายนอกสู้พื้นที่ภายใน ซึ่งเป็น กระบวนการย่อยสลายที่เกิดได้ช้ามากหากเป็นวัตถุชิ้นใหญ่ๆ ตรงกันข้ามกับเชื้อราซึ่งเจริญเติบโตในรูปของเส้นใยที่มีลักษณะเป็นสายคล้ายเส้นด้ายสามารถแทรกเข้าไปในวัตถุแข็งๆ เช่น ไม้ และสามารถย่อยสลายจากภายในออกมาภายนอก สิ่งมีชีวิตทั้งสองกลุ่มนี้ช่วยกันทำให้เกิดการย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิต ถึงแม้มีเชื้อราจำนวนหนึ่งหลุดรอดจากธรรมชาติจากที่เคยอยู่ในดิน มาทำให้เกิดโรคในคน หรือบางครั้งอาจสร้างปัญหาให้กับเกษตรกรโดยทำให้เกิดโรคในพืชหรือสร้างปัญหาให้แก่เราเมื่อมันเข้าทำลายเครื่องหนัง ย่อยสลายไม้ หรือปนเปื้อนในอาหาร ในทางกลับกันเรานำเชื้อราอีกหลายชนิดมาใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การใช้เชื้อราในการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม ยาปฏิชีวนะ และวิตามิน สำหรับเห็ดขนาดใหญ่เรานำมาประกอบอาหารหรือเป็นยาสมุนไพรก็ได้ ในประเทศไทยสามารถพบเห็ดได้ในเขตป่าเขาที่มีฝนตกชุกพอประมาณ จึงพบมากในภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากการสำรวจพบว่าประเทศไทยมีเห็ดประมาณ 450 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของเห็ดที่มีอยู่บนโลก ซึ่งประมาณ 100,000 ชนิดพันธุ์ เราสามารถแบ่งความสำคัญของเห็ดได้ดังนี้
1. ด้านสิ่งแวดล้อม
                เห็ดมีความสำคัญมากด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยย่อยสลายซากพืชซากสัตว์และมูลสัตว์ เป็นราเบียดกับต้นไม้หรือเห็ด หรือราด้วยกันเอง การย่อยสลายสิ่งมีชีวิตอื่นของเห็ดเป็นกระบวนการหนึ่งที่เปลี่ยนรูปซากสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นธาตุอาหารหลายๆ ชนิด และส่งต่อให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นได้ใช้ประโยชน์ต่อไปโดยเฉพาะพืช
2. ด้านอาหาร
                ปัจจุบันเห็ดราเป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันหลายชนิด ทั้งแบบสด แบบกระป๋อง แบบตากแห้งเช่น เห็ดหอม เห็นหูหนู เป็นต้น เห็ดเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบีรวม และกรดอะมีโนต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะกรดอะมิโนกลูตามิคที่ช่วยเพิ่มความอร่อยในการการรับประทานอาหาร นอกจากนี้เห็ดยังเป็นอาหารที่ปราศจากไขมันมีปริมาณน้ำตาลและเกลือต่ำ
                เห็ดที่กินได้ จัดเป็นอาหารที่มีคุณค่าเทียบเท่ากับกินผัก ดอกเห็ดมีน้ำเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 90 นอกจากนั้นเป็นโปรตีน ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน ซึ่งมีวิตามินบี 1 และ วิตามินบี 2 ยกเว้นเห็ดสีเหลือง มีวิตามินเอมากกว่าชนิดอื่นๆ แต่เห็ดจัดเป็นอาหารที่ย่อยยาก เนื่องจากมีเส้นใยมาก ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารไม่ควรรับประทานมากเกินไป เห็ดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

2.1 เห็ดการได้ (edible mushroom) เช่น เห็ดหอม (ภาพที่ 1) เห็ดฟาง (ภาพที่ 2) มีรสหวานและกลิ่นหอมชวนรับประทาน บางชนิดมีกลิ่นเหม็นทำให้เวียนศีรษะ เช่น เห็ดร่างแห (ภาพที่ 3) บางชนิดมีรสขม เช่น เห็ดเสม็ด (ภาพที่ 4) บางชนิดมีรสเผ็ดชา เช่น เห็ดขิง (ภาพที่ 5


                                         ภาพที่ 1 เห็ดหอม                                                     
Lentinus edodes (Berk.Sing 


                                                      ภาพที่ 2 เห็ดฟาง

                                     Volvariella volvacea (Bull. ex. Fr.) Sing


ภาพที่ เห็ดร่างแห  
Dictyophoro indusiata (Pers.Fisch.


                                                          
ภาพที่ 4 เห็ดเสม็ด
                                        Tylopilus subrobrunneus Mazzer & Smith
               
ในประเทศจีนนำเห็ดร่างแหมาผลิตเป็นการค้า โดยตัดฐานดอกและเยื่อหุ้มดอกออกแล้วตากแห้งใช้เป็นอาหาร เรียกว่า เยื่อไผ่


                                                ภาพที่ เห็ดขิง                                                 
                                                             Lactarius piperatus (Fr.) S.F. Gray  

                                                                       ภาพที่ 6 เห็ดข่า
                                                               Lactarius flavidulus Imai

2.2 เห็ดมีพิษ (poisonus mushroom หรือ toadstool) มีหลายชนิด ชนิดที่มีพิษร้ายแรงถึงตาย เช่น เห็ดระโงกหิน (ภาพที่ 7) บางชนิดมีพิษทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เช่น เห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน (ภาพที่ 8) เห็ดแดงน้ำหมาก (ภาพที่ 9) บางชนิดกินเพียงเล็กน้อยทำให้เกิดจินตนาการเป็นภาพหลอนคล้ายเสพยาเสพติด เรียกเห็ดชนิดนี้ว่า เห็ดโอสถลวงจิต (hallucinogenic mushroom) เช่น เห็ดขี้ควาย      (ภาพที่ 10)


        
                                               ภาพที่ เห็ดระโงกหิน
                                      Amanita verna (Bull. ex. fr.Vitt. 

                                                            ภาพที่ 8 เห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน
      Chlorophyllum molybdites (Meyr. ex. Fr.)




ภาพที่ เห็ดแดงน้ำหมาก
                                                            Russula emetica                                         
                                                              (Schaeff. ex. Fr.Pers. Fr. Gray.

                                                       ภาพที่ 10 เห็ดขี้ควาย
                                                   Psilocybe cubensis Earle
       

3. ด้านสมุนไพร
                เห็ดที่ขึ้นชื่อในด้านยารักษาโรคคือ เห็ดหลินจือ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอีกอย่างหนึ่งว่า “เห็ดพันปี” เป็นเห็ดสมุนไพรที่หายาก มีถิ่นกำเนิด อยู่ในป่าเขาของประเทศจีน นอกจากใช้เป็นยาโดยตรงแล้วประเทศญี่ปุ่น ยังนิยมนำเห็ดมาปรุงเป็นน้ำแกงและอาหารบำรุงร่างกาย ซึ่งมีรายงานวิจัยเกี่ยวกับเห็ดมากกว่า 30 ปี ที่ยืนยันว่าในเห็ดมีสารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือด

4. ด้านเศรษฐกิจ
เห็ดหลายชนิดได้รับการส่งเสริมให้เพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดกระด้าง เป็นต้น